กัลฟ์ผู้นำ ธุรกิจโรงไฟฟ้าในประเทศไทย ดำ
เนินโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ซึ่งผลิตและจำหน่ายไฟให้กับ
กฟผ. ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 25 ปีในขณะที่โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติขนาดเล็ก มีการผลิตและจำ
หน่ายไฟให้
กับกฟผ. ในปริมาณ 70% - 80% ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) 25 ปีซึ่งจะเริ่มต้นเมื่อโครงการเปิดดำ
เนินการเชิงพาณิชย์โดยไฟฟ้าที่จำ หน่ายให้กับกฟผ. จะกระจายผ่านเครือข่ายสายส่งทั่วประเทศของกฟผ.
จากนั้นจึงจำหน่ายต่อไป
ยังกฟภ. และกฟน. ซึ่งเป็นผู้จ่ายไฟต่อไปยังผู้บริโภคทั่วประเทศ
นอกจากนี้โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติยังจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำเย็นให้กับผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรม
ภายใต้
สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ
ธุรกิจโรงไฟฟ้าไม่เพียงให้บริการที่จำเป็นสำหรับการผลิตไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบ รอบด้าน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันธุรกิจโรงไฟฟ้าในประเทศไทยให้ความ สำคัญกับโรงงานผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติที่สร้างมลพิษต่ำ หรือโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานความร้อนใต้พิภพ และโรงไฟฟ้าชีวมวล เพื่อให้ตอบโจทย์ความ ต้องการในการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นและเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงมีนโยบายให้สิทธิภาคเอกชน เข้ามาเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. มาจนถึงปัจจุบัน
ธุรกิจโรงไฟฟ้าไม่เพียงให้บริการที่จำเป็นสำหรับการผลิตไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบ รอบด้าน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันธุรกิจโรงไฟฟ้าในประเทศไทยให้ความ สำคัญกับโรงงานผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติที่สร้างมลพิษต่ำ หรือโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานความร้อนใต้พิภพ และโรงไฟฟ้าชีวมวล เพื่อให้ตอบโจทย์ความ ต้องการในการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นและเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงมีนโยบายให้สิทธิภาคเอกชน เข้ามาเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. มาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อการผลิตไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการส่งผลให้ราคาพลังงานลดลง ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจทั้งในเรื่องการ แข่งขันและต้นทุนโดยรวม อีกทั้งธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก จึงมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้น เศรษฐกิจ การสร้างโรงไฟฟ้าทุกรูปแบบจำเป็นต้องใช้แรงงานในการก่อสร้าง ปฏิบัติการ และบำรุงรักษา ถือเป็นการ สร้างโอกาสการจ้างงานได้อีกด้วย นอกจากการเพิ่มโอกาสในการจ้างงานโดยตรงแล้ว อุตสาหกรรมอื่น ๆ ก็ได้รับ ประโยชน์ด้วยเช่นกัน ทั้งการผลิตกังหัน แผงโซล่าเซลล์การขนส่ง และการบริหารจัดการโครงการต่าง ๆ
โรงงานผลิตไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติจะมีการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงานตั้งแต่การก่อสร้าง การ ดำเนินงาน และการรื้อถอน มีการใช้ระบบจัดการต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดการของเสีย และการควบคุมมลพิษอย่างสม่ำเสมอ ไปจนถึงการมีความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนในพื้นที่เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และจัดการกับข้อกังวลที่อาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตทั้งเรื่องคุณภาพอากาศ น้ำ มลพิษทางเสียง และการใช้ที่ดิน
การทำงานของโรงงานผลิตไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติจะผลิตไฟฟ้าโดยการเผาไหม้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะมีการใช้ กังหันก๊าซในการเปลี่ยนพลังงานเชื้อเพลิงเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง มีหลักการทำงานแบ่งออก เป็นสามส่วนตามขั้นตอน โดยเริ่มจากการอัดอากาศเข้าไปในคอมเพรสเซอร์ให้มีความดันสูง และส่งอากาศเข้าไปในห้อง เผา เพื่อเผาไหม้เชื้อเพลิง ทำให้เกิดการขยายตัว เกิดแรงดัน และเกิดอุณหภูมิสูงขึ้น และส่งอากาศต่อเข้าไปในส่วนที่เป็น เครื่องกังหันก๊าซ ทำให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าหมุนแม่เหล็กเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
ไฟฟ้าถือเป็นพลังงานที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตและช่วยอำนวยความสะดวกให้กับสิ่งต่าง ๆ มากมาย ปัจจุบันมีการใช้ แหล่งพลังงานต่าง ๆ ผลิตไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานความร้อนใต้พิภพ และโรงไฟฟ้าชีวมวล การนำพลังงานที่แตกต่างกันเหล่านี้มาผลิตไฟฟ้า จึงมีวิธีและกระบวนการที่ต่างกันไปตามประเภท ของพลังงาน ทำให้โรงไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้านั่นเอง