Í

GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท เติบโต 18% YoY จากธุรกิจพลังงานและส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH

10 กุมภาพันธ์ 2568
GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF หรือ บริษัทฯ) รายงานผลการดำเนินงานปี 2567 ที่แข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม (total revenue) เท่ากับ 124,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จาก 116,951 ล้านบาท ในปี 2566 และมีกำไรจากการดำเนินงาน (core profit) เท่ากับ 18,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จาก 15,644 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา

ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของกลุ่มบริษัทฯ มีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้กลุ่ม IPD ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,650 เมกะวัตต์ ซึ่งหน่วยผลิตที่ 3 และ 4 (รวม 1,325 เมกะวัตต์) ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมีนาคม และตุลาคม 2567 ตามลำดับ ส่งผลให้โรงไฟฟ้า GPD ทั้ง 4 หน่วยเปิดดำเนินการครบตามกำหนดเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง (HKP) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP กำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,540 เมกะวัตต์ ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์หน่วยผลิตที่ 1 (770 เมกะวัตต์) ในเดือนมีนาคม 2567 ในขณะเดียวกัน GULF ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากกลุ่ม GJP จำนวน 1,940 ล้านบาท ในปี 2567 เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากปริมาณการขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 7 โครงการ โดยมี load factor เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 72% ในปี 2566 เป็น 79% ในปีนี้ เนื่องจากในระหว่างปี 2566 กลุ่มโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้มีการทยอยหยุดซ่อมบำรุง (B-inspection) ตามแผนงาน
GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 โครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ศรีราชา (GSRC) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้กลุ่ม IPD มีกำไรที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จากการรับรู้ค่าใช้จ่ายบำรุงรักษา (maintenance expense) ของทั้ง 4 หน่วย ที่เริ่มทยอยซ่อมบำรุงระหว่างไตรมาส 3/2566 - ไตรมาส 3/2567 แม้ว่าจะมีปริมาณการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. ที่เพิ่มขึ้น โดยมี load factor เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 73% ในปี 2566 เป็น 75% ในปี 2567 นอกจากนี้ กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 12 โครงการภายใต้กลุ่ม GMP มีกำไรที่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน จากอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายไฟฟ้าให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่ลดลงตามราคาค่า Ft เฉลี่ยที่ลดลงในอัตราที่มากกว่าการลดลงของราคาค่าก๊าซธรรมชาติเฉลี่ย โดยค่า Ft เฉลี่ยลดลงจาก 0.89 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง ในปี 2566 เป็น 0.40 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง ในปี 2567 ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยลดลงจาก 385.4 บาท/ล้านบีทียู ในปี 2566 เป็น 326.1 บาท/ล้านบีทียู ในปีนี้ ประกอบกับขายไฟฟ้าให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง เนื่องมาจากความต้องการที่ลดลงในกลุ่มลูกค้ายานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมมีเพียง 6% ของปริมาณการขายไฟฟ้าทั้งหมด บริษัทฯ จึงได้รับผลกระทบอย่างจำกัด
GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท
ในส่วนของธุรกิจก๊าซนั้น GULF รับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากโครงการ PTT NGD จำนวน 1,077 ล้านบาท ในปี 2567 เพิ่มขึ้น 172% จาก 396 ล้านบาท ในปี 2566 โดยมีสาเหตุหลักมาจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จาก 428.8 บาท/ล้านบีทียู ในปี 2566 เป็น 342.9 บาท/ล้านบีทียู ในปีนี้ ในขณะที่ราคาน้ำมันเตาสูงขึ้นจาก 73.2 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในปี 2566 เป็น 75.7 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในปีนี้ ซึ่งราคาขายส่วนใหญ่ของโครงการ PTT NGD จะอิงกับราคาน้ำมันเตา ในขณะที่ต้นทุนจะขึ้นอยู่กับราคาก๊าซธรรมชาติ

นอกจากนี้ ในปี 2567 GULF รับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากการลงทุนในบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (INTUCH) จำนวน 6,345 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จาก 6,101 ล้านบาท ในปี 2566 โดยมีสาเหตุหลักมาจาก ผลประกอบการของ ADVANC ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลจาก ARPU ที่เพิ่มขึ้น จากการมุ่งเน้นจำหน่ายแพ็กเกจที่มีมูลค่าสูงขึ้น ประกอบกับการขยายฐานผู้ใช้บริการและการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ GULF มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปี 2567 จำนวน 39,934 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับ 35,370 ล้านบาท ในปี 2566 ในขณะที่กำไรสุทธิ (net profit) ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ (รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน) ในปี 2567 เท่ากับ 18,170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จาก 14,858 ล้านบาท ในปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิที่ลดลง โดยในปี 2567 บริษัทฯ รับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 176 ล้านบาท เทียบกับ 576 ล้านบาท ในปี 2566 อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวเป็นเพียงการบันทึกรายการทางบัญชี และไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสดและผลประกอบการของ GULF แต่อย่างใด

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 GULF มีสินทรัพย์รวม 496,202 ล้านบาท หนี้สินรวม 342,363 ล้านบาท และ ส่วนของผู้ถือหุ้น 153,840 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (net interest-bearing debt to equity) อยู่ที่ 1.80 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 1.69 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 จากหนี้สินระยะยาวที่เพิ่มขึ้นจากการออกและจำหน่ายหุ้นกู้จำนวน 45,000 ล้านบาท ในปี 2567
GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า “ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ในกระบวนการการควบรวมกิจการกับ INTUCH ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงต้นไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยบริษัทใหม่ (NewCo) จะมีผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก NewCo จะมีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นใน ADVANC เป็น 40.44% จากเดิมถือทางอ้อมในสัดส่วน 19.16% ส่งผลให้ได้รับส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 3,500 ล้านบาทต่อปี ในขณะเดียวกัน กระแสเงินสดจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 6,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสามารถรองรับการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ในอนาคต นอกจากนี้ ในปี 2568 บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้น 20-25% โดยโครงการโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ของบริษัทฯ จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีกประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ในปีนี้ ได้แก่ โครงการ HKP หน่วยผลิตที่ 2 กำลังการผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ ที่ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเรียบร้อยตามกำหนดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems) ภายในประเทศ ที่มีแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 7 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 597 เมกะวัตต์ ในขณะที่โครงการ solar rooftop ภายใต้ GULF1 คาดว่าจะดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าเพิ่มอีกประมาณ 100 เมกะวัตต์
GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท
ในส่วนของธุรกิจก๊าซ ในปีนี้ กลุ่มบริษัทฯ มีแผนขยายการนำเข้า LNG เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 70 ลำ หรือประมาณ 4-5 ล้านตัน เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC GPD และ HKP ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทฯ รับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจาก shipper fee โดยเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจก๊าซของบริษัทฯ ต่อไป
GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนายังคงเป็นไปตามแผน โดยโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) มีกำหนดจะเปิดดำเนินการในปี 2568 ขณะที่สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) มีกำหนดจะเปิดดำเนินการในปี 2569 ในส่วนของโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเฟส 3 ณ ปัจจุบัน ได้ดำเนินการถมทะเลเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย และมีแผนที่จะเริ่มก่อสร้างสถานี รับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG terminal) ในช่วงกลางปีนี้ อีกทั้งโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 มีกำหนดรับมอบพื้นที่จากการท่าเรือแห่งประเทศไทยเพื่อเริ่มก่อสร้างท่าเทียบเรือในช่วงปลายปี 2568
GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท
นอกจากนี้ ธุรกิจศูนย์ข้อมูล (data center) มีแผนที่จะทยอยเปิดให้บริการเฟสแรกขนาด 25 เมกะวัตต์ ในเดือนเมษายนปีนี้ โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายขนาดการให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 100-200 เมกะวัตต์ ภายใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลในประเทศไทย ในขณะที่ธุรกิจ cloud ซึ่งบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ Google เพื่อให้บริการ Google Distributed Cloud air-gapped มีแผนเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2568 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการประมวลผลข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองถึงการต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจไปสู่บริการอื่น ๆ ในอนาคต ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโซลูชัน AI และการเสริมความแข็งแกร่งด้าน cybersecurity เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567 ในอัตรา 1.01 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิเท่ากับ 83% โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 มีนาคม 2568”
รูปภาพประกอบอื่น ๆ
GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท
GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท
GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท
GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท
GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท
GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท
GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท
GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท